การได้พบกับจักรพรรดิฮั่นอู่และได้เป็นพระมเหสี ของ เว่ย์ จื่อฟู

จักรพรรดิฮั่นอู่เสด็จขึ้นเสวยราชย์ขณะพระชนม์ได้ 16 ชันษา หลังจากนั้นไม่นาน ก็ทรงเริ่มระหองระแหงกับพระมเหสีที่เพิ่งเสกสมรสด้วย คือ พระนางเฉิน เจียว (陳嬌) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับจักรพรรดิฮั่นอู่เอง และมีพระชนม์มากกว่าจักรพรรดิฮั่นอู่ราว 8 ชันษา ทั้งนี้ การเสกสมรสของทั้งสองเป็นไปเพื่อสร้างพันธมิตรทางการเมืองระหว่างพระนางหวัง จื้อ (王娡) พระมารดาของจักรพรรดิฮั่นอู่ กับองค์หญิงใหญ่กว่านเถา (館陶長公主) พระมารดาของพระนางเฉิน เจียว ซึ่งเป็นพระเจ้าป้า (พี่สาวของพระบิดา) ของจักรพรรดิฮั่นอู่ โดยเจรจาสมรสกันมาตั้งแต่จักรพรรดิฮั่นอู่ยังมีพระชนม์เพียง 6 ชันษา และบรรลุความตกลงกันได้แต่ครั้งที่จักรพรรดิฮั่นอู่ทรงได้ตำแหน่งรัชทายาทแล้วสักระยะ อย่างไรก็ดี ความที่พระนางเฉิน เจียว ไม่ทรงสามารถประทานพระโอรสให้แก่จักรพรรดิฮั่นอู่ได้สักที แม้เวลาจะผ่านไปแล้วหลายปี เป็นเหตุให้ชีวิตรักของทั้งสองพระองค์จืดจางลง และหลังจากการปฏิรูปที่จักรพรรดิฮั่นอู่ทรงริเริ่มเมื่อ 140 ปีก่อนคริสตกาลนั้นล้มไม่เป็นท่าเพราะพระนางโต้ว (竇) ผู้เป็นพระอัยยิกา ความอยู่รอดทางการเมืองของจักรพรรดิฮั่นอู่ก็ยิ่งต้องอาศัยการวิ่งเต้นสนับสนุนขององค์หญิงกว่านเถา พระมารดาของพระนางเฉิน เจียว มากขึ้น ทำให้จักรพรรดิฮั่นอู่จำต้องตามพระทัยพระนางเฉิน เจียว ซึ่งมีพระอุปนิสัยเสียและเอาแต่พระทัย เป็นเหตุให้ความตึงเครียดระหว่างจักรพรรดิฮั่นอู่กับพระนางเฉิน เจียว ยิ่งทวีขึ้นตามลำดับ

ในฤดูใบไม้ผลิเมื่อ 139 ปีก่อนคริสตกาล จักรพรรดิฮั่นอู่เสด็จไปทรงประกอบพิธีประจำปี ณ ป้าช่าง (灞上) แล้ว ก็ทรงใช้โอกาสนั้นเสด็จไปทรงเยี่ยมองค์หญิงผิงหยาง ผู้เป็นพระพี่นาง ซึ่งมีพระตำหนักอยู่ใกล้เคียง องค์หญิงผิงหยางทรงประพฤติตามอย่างองค์หญิงกว่านเถา โดยทรงจัดหาหญิงสาวมาถวายเป็นนางสนมกำนัลบ้าง เพื่อจะได้วางรากฐานทางการเมืองของพระนางเอง หญิงสาวที่ทรงจัดหามานั้นมาจากชนชั้นรากหญ้า แต่ไม่มีเว่ย์ จื่อฟู อยู่ในนั้นด้วย หญิงเหล่านี้ไม่เป็นที่ประทับใจของจักรพรรดิฮั่นอู่ แผนการขององค์หญิงผิงหยางจึงไม่เป็นไปด้วยดี เมื่อทรงเห็นว่า พระอนุชาทรงเบื่อหน่ายกับการคัดเลือกหญิงสาว พระนางจึงทรงเรียกคณะนางระบำในตำหนักมาฟ้อนรำถวาย เว่ย์ จื่อฟู เป็นหนึ่งในบรรดานางระบำนั้น และรูปโฉมอันงดงามของนางเป็นที่ต้องพระทัยของจักรพรรดิ องค์หญิงผิงหยางจึงทรงให้เว่ย์ จื่อฟู ตามไปถวายงาน ณ เรือนรับรอง ที่ซึ่งจักรพรรดิทรงได้เสียกับนาง และประทานทองคำพันชิ้นให้แก่พระพี่นางเป็นรางวัล องค์หญิงผิงหนางก็ถวายเว่ย์ จื่อฟู ต่อจักรพรรดิเป็นการตอบแทน จักรพรรดิฮั่นอู่ทรงนำเว่ย์ จื่อฟู กลับไปฉางอานราชธานี พร้อมนำเว่ย์ ชิง ลูกพี่ลูกน้องของนาง กลับไปทำหน้าที่เลี้ยงม้าต้นด้วย

เมื่อพระนางเฉิน เจียว ทรงทราบว่า พระสวามีทรงนำหญิงสาวกลับมาด้วย ก็ทรงวางแผนจะทำให้จักรพรรดิฮั่นอู่ทรงเลิกล้มพระทัยที่จะให้หญิงนั้นอยู่ในวังเป็นพระชายา เป็นผลให้เว่ย์ จื่อฟู ถูกส่งไปเป็นนางกำนัลในตำหนักรกร้างห่างไกล เว่ย์ จื่อฟู อยู่ที่นั่นมาปีกว่า ก็รู้สึกสิ้นหวัง จึงเข้าชื่อเป็นนางกำนัลรอการส่งตัวออกนอกวัง ซึ่งปกติเป็นกลุ่มที่อายุมากหรือหย่อนความสามารถในราชการแล้ว บังเอิญที่จักรพรรดิฮั่นอู่เสด็จมากำกับการส่งตัวนางกำนัลออกนอกวังด้วยพระองค์เอง และทอดพระเนตรเห็นนางร่ำไห้ขอกลับบ้าน ก็หวนรำลึกถึงความรักที่ทรงมีให้นางแต่ครั้งก่อน ณ เวลานี้ จักรพรรดิทรงฐานอำนาจที่แข็งแกร่งเพียงพอป็นของพระองค์เอง จึงรับสั่งให้นางอยู่ในวังต่อ หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตั้งครรภ์

ข่าวการมีครรภ์ของนางยังความยินดีมาสู่จักรพรรดิฮั่นอู่ ซึ่งกำลังไม่สบพระอารมณ์ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพระนางเฉิน เจียว ทรงไม่สามารถมีบุตรได้ ประกอบกับเดิมพระราชบัลลังก์ตั้งหมิ่นเหม่อยู่บนภัยคุกคาม เนื่องด้วยการปะทะกันทางการเมืองของกลุ่มหัวโบราณที่มีพระอัยยิกาเป็นผู้นำมาตั้งแต่ช่วงการปฏิรูปเมื่อ 140 ปีก่อนคริสตกาล กับกลุ่มขุนนางที่วางแผนจะถอดพระองค์ออกจากราชสมบัติ ด้วยข้ออ้างว่า ทรงไม่สามารถมีรัชทายาทได้ แล้วจะให้หลิว อัน (劉安) เชื้อพระวงศ์ห่าง ๆ ขึ้นเสวยราชย์แทน การที่เว่ย์ จื่อฟู ตั้งครรภ์ จึงเป็นการยุติข้ออ้างดังกล่าว นอกเหนือไปจากการทำให้เว่ย์ จื่อฟู เองกลายเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่าพระนางเฉิน เจียว

พระนางเฉิน เจียว แค้นพระทัย แต่ทรงไม่สามารถกระทำอันตรายต่อเว่ย์ จื่อฟู ได้ เพราะนางอยู่ในความคุ้มครองของจักรพรรดิโดยตรง ส่วนองค์หญิงกว่านเถา พระมารดาของพระนางเฉิน เจียว ก็พยายามจะลักพาเว่ย์ ชิง น้องชายของเว่ย์ จื่อฟู ไปสังหาร เวลานั้น เว่ย์ ชิง เป็นนายม้าอยู่ในค่ายเจี้ยนจาง (建章營) ซึ่งเป็นค่ายของทหารรักษาพระองค์พระจักรพรรดิ และกงซุน อ๋าว (公孫敖) มิตรสหายของเว่ย์ ชิง นำกำลังเข้าไปกู้ตัวเว่ย์ ชิง ออกมาจากตำหนักองค์หญิงกว่านเถาได้ แล้วทูลถวายรายงานต่อจักรพรรดิ จักรพรรดิฮั่นอู่จึงทรงประกาศตั้งเว่ย์ จื่อฟู ขึ้นเป็นพระมเหสีที่ตำแหน่งฟูเหริน (夫人) ซึ่งรองจากตำแหน่งหฺวังโฮ่วของพระนางเฉิน เจียว และทรงตั้งเว่ย์ ชิง ควบตำแหน่งเจี้ยนจางเจี้ยน (建章監) ซึ่งเป็นนายค่ายเจี้ยนจาง, ตำแหน่งชื่อจง (侍中) ซึ่งเป็นเสนาธิการทหาร, และตำแหน่งไท่จงต้าฟู (太中大夫) ซึ่งเป็นหัวหน้าองคมนตรี ทำให้เว่ย์ ชิง กลายเป็นหนึ่งในขุนนางคนสนิทที่สุดในพระองค์ ภายหลัง เว่ย์ จื่อฟู ยังมีพระธิดาอีกสามองค์ให้แก่จักรพรรดิ ยังผลให้ความรักของจักรพรรดิตกมาอยู่ที่นางแต่ผู้เดียว

ครั้น 130 ปีก่อนคริสตกาล มีการเปิดโปงว่า พระนางเฉิน เจียว ทรงใช้คาถาอาคมทำร้ายพระชายาองค์อื่น ๆ ของจักรพรรดิ เพื่อให้จักรพรรดิทรงกลับมารักพระนาง จึงมีรับสั่งให้จาง ทาง (張湯) ขุนนางยกบัตรซึ่งผู้คนยำเกรงมาก ไปไต่สวนเป็นการใหญ่ ที่สุดแล้ว มีผู้ถูกประหารกว่า 300 คน และพระนางเฉิน เจียว เองต้องทรงถูกถอดจากตำแหน่งหฺวังโฮ่วแล้วขับออกจากพระนครฉางอันไปอยู่พระที่นั่งฉางเหมิน (長門宮) อันรกร้างกันดาร พระที่นั่งองค์นี้เดิมองค์หญิงกว่านเถาถวายต่อจักรพรรดิฮั่นอู่เป็นของกำนัลตอบแทนที่ไม่ทรงเอาเรื่องที่พระนางมีความสัมพันธ์อื้อฉาวกับต๋ง หย่าน (董偃) บุตรบุญธรรมของพระนางเอง

ใกล้เคียง